http://kaireyah.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์
หน้าแรก
อัลกุรอ่าน
วีดีโอ
อิสลามใหม่
ข่าวสารอิสลาม
กุรอ่านแปลไทย
ดุอาพื้นฐาน
ติดต่อเรา
ค้นหา
ประเภท
บทความ
ข่าวสาร
แกลอรี่
เว็บบอร์ด
สินค้า
บริการ
หน้าแรก
บทความศาสนา
ฟังอัลกุรอ่าน
สนใจอิสลาม
ตัฟซีรกุรอาน
เว็บบอร์ด
เทปเรียนวันอาทิตย์
ตัฟซีรอัลกุรอ่าน
เวลาละหมาด จ.สตูล
รวมรูปภาพ
สมัครสมาชิก
สั่งซื้อสินค้า
ฆัยรียะฮ์เทรเวล
ดาวโหลดโปรแกรม
thai-school
ปฎิทิน
«
May
2024
»
S
M
T
W
T
F
S
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
สินค้า
เบเกอรี่ฆัยรีย๊ะ
น้ำดื่มฆัยรีย๊ะฮ์
บทดุอา
บทดุอาซิกิรฺยามเย็น
บทดุอาซิกิรฺยามเช้า
ตารางละศิลอด
รับฟังรายการ
ฟังวิทยุ 40 k
ฟังวิทยุ 128 K
ทีวีและวิทยุมุสลิม
อัลฮาดิษ
เศาะหีหฺอิมามอัลบุคอรีย
เศาะหีหฺอิมามมุสลิม
หนังสือน่าอ่าน
ความรักในมุมมองอิสลาม
เมื่อเพื่อนทำให้เพื่อนเจ็บปวด
เพียงถ้อยค ําหนึ่งเดียว !
ชีอะห์กับความเชื่อต่ออัลกุรอาน
ความหมายของ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ
บทความศาสนา
ทำไม อิสลามอนุญาติให้แต่งงานได้ 4 คน
อัลลอฮฺสัญญาว่าจะคุ้มครองกุรอาน
มุอ๊าซ อิบนฺญะบัล : ผู้นำของบรรดาผู้รู้ในวันกิยามะฮฺ
7 เทคนิคให้ได้ใกล้ชิดกับอัลกุรอาน
รู้จักอัลกุรอาน
ความมหัศจรรย์ของคัมภีร์อัลกุรอาน
ศาสดามุฮัมมัดกับแบบอย่างทางจริยธรรม
อัลกุรอานและฮะดีษตามความเชื่อของชีอะฮ์
ทีวีมุสลิม
White Channel
YATEEM TV
TMTV
TV Muslim Thailand
นำโค๊ดไปติดเว็บ
วิธีรับฟังวิทยุทางโทรศัพท์
ฟังผ่าน App MuslimThai
นำโค๊ตไปติดเว็บครับ
ร่วมพูดคุย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
สถิติ
เปิดเว็บ
13/02/2008
อัพเดท
07/03/2024
ผู้เข้าชม
435,063
เปิดเพจ
544,867
สินค้าทั้งหมด
5
ลิ้งก์ตัวอักษร
iGetWeb.com
เว็บสำเร็จรูป
ทำเว็บ
สร้างเว็บ
มุสลิมจะร้องเพลง-ฟังเพลงได้ไหม ?
24/04/2008
อ่าน 2,018 ครั้ง
2 ความคิดเห็น
Edit Title
Edit Detail
เรื่องทั้งหมดของการร้องเพลงยังเป็นที่ขัดแย้งกันไม่ว่ามันจะเป็นเพลงที่มีเสียงดนตรีประกอบหรือไม่ก็ตาม บางเรื่องก็เป็นที่เห็นพ้องต้องกันของนักวิชาการมุสลิมไปแล้วในขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่เห็นพ้องต้องกัน
นักวิชาการทั้งหมดมีทัศนะเป็นเอกฉันท์ในเรื่องการห้ามร้องเพลงและดนตรีทุกรูปแบบที่กระตุ้นให้เกิดการยั่วยุทางกามรมณ์ ส่อไปในทางลามก หยาบโลนหรือเป็นบาป ส่วนเรื่องเครื่องดนตรีนั้น กฎที่ใช้ในที่นี้ก็คือกฎที่กล่าวว่าทุกสิ่งเป็นที่อนุมัติมาตั้งแต่เดิม
การร้องเพลงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดที่เป็นทำนอง ถ้าหากถ้อยคำเหล่านี้ดี การร้องเพลงก็ถือว่าเป็นสิ่งดี แต่ถ้าหากถ้อยคำของมันไม่ดี การร้องเพลงเช่นนั้นก็ถือเป็นสิ่งไม่ดี การพูดที่มีเนื้อหาเป็นที่ต้องห้ามก็เป็นสิ่งต้องห้าม จะเป็นอะไรถ้าหากว่าการพูดนั้นเป็นจังหวะและเป็นทำนอง ? นักวิชาการเห็นพ้องกันในเรื่องการอนุญาตให้ร้องเพลงโดยไม่ต้องมีเสียงดนตรีและเป็นเพลงที่เนื้อหาไม่เป็นที่ต้องห้าม การร้องเพลงประเภทนี้เป็นที่อนุญาตให้บางโอกาส เช่น การแต่งงาน การเลี้ยง การต้อนรับผู้เดินทาง และในทำนองนี้ นี่มาจากหะดีสของท่านนบี
ซึ่งกล่าวว่า : “ท่านได้ถามว่า
‘ พวกท่านได้ให้อะไรเป็นของขวัญแก่เจ้าสาวหรือเปล่า ?’
พวกเขาตอบว่า
‘ ให้ครับ’
ท่านจึงได้ถามว่า
‘ท่านได้ส่งนักร้องไปพร้อมกับเธอหรือเปล่า ?’
นางอาอิชะฮ์ตอบว่า
‘ เปล่าค่ะ’
ท่านนบี
จึงได้กล่าวว่า
‘ ชาวอันซอรเป็นคนที่รักบทกวี พวกท่านน่าจะส่งใครบางคนที่ร้องเพลง เรามาแล้ว เรามาหาท่าน จงทักทายเราเหมือนดังที่เราทักทายพวกท่าน’
” ในกรณีนี้ เราสามารถกล่าวได้ว่าผู้หญิงสามารถร้องเพลงต่อหน้าผู้หญิงด้วยกันเองและต่อหน้าญาติผู้ชายที่ไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้
ในเรื่องของเครื่องดนตรีนั้น นักวิชาการยังขัดแย้งกันในเรื่องนี้ บางคนอนุญาตการร้องเพลงทุกอย่างไม่ว่าจะมีเครื่องดนตรีประกอบหรือไม่ก็ตามและยังถือว่าเป็นเรื่องดีด้วย ส่วนผู้ทรงความรู้กลุ่มที่สองอนุญาตการร้องเพลงที่ไม่มีเครื่องดนตรีประกอบ กลุ่มที่สามประกาศว่ามันเป็นที่ต้องห้ามไม่ว่าจะมีเครื่องดนตรีหรือไม่มีก็ตามและถึงกับถือว่ามันเป็นบาปใหญ่ด้วย ในการสนับสนุนความคิดของพวกเขา พวกเขาได้อ้างหะดีสของอิมาม อัล-บุคอรีที่รายงานจากอบูมาลิกหรืออบูอะมีร อัล-อัชอะรีว่าท่านนบี
ได้กล่าวว่า
“ในหมู่ผู้ปฏิบัติตามฉันจะมีบางคนที่ถือว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศอย่างผิดกฎหมาย การสวมเสื้อผ้าไหม การดื่มเครื่องมึนเมาและการใช้เครื่องดนตรีเป็นที่อนุมัติ”
ถึงแม้ว่าหะดีสนี้จะอยู่ในเศาะฮีฮ อัล-บุคอรี แต่สายรายงานก็ไม่ต่อเนื่องกันไปถึงท่านนบีมุฮัมมัด
ซึ่งทำให้หลักฐานความน่าเชื่อถือของมันใช้ไม่ได้ อิบนุฮัซม์ก็ปฏิเสธหะดีสนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น ฮิชาม อิบนุอัมมาร ผู้รายงานต่อก็ถูกนักวิชาการหะดีสประกาศว่าอ่อนหลักฐาน
นอกจากนั้นแล้ว หะดีสนี้ยังไม่ได้ห้ามการใช้เครื่องดนตรีไว้อย่างชัดเจนด้วยเพราะวลีที่ว่า
“ถือว่าเป็นที่อนุมัติ”
ตามอิบนุ อัล-อะเราะบี มีความหมายสำคัญสองประการคือ
ประการแรก
คนเหล่านั้นคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด (สิ่งที่ถูกกล่าวถึง) เป็นที่อนุมัติ
ประการที่สอง
พวกเขาเกินเลยขอบเขตอันเหมาะสมที่ควรจะปฏิบัติในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ถ้าตั้งใจจะหมายถึงประการแรก คนเหล่านั้นก็เป็นผู้ปฏิเสธ
ความจริงแล้ว หะดีสนี้ตำหนิลักษณะของคนกลุ่มหนึ่งที่หมกมุ่นอยู่ในความฟุ้งเฟ้อ การดื่มสิ่งมึนเมาและฟังดนตรี ดังนั้น อิบนุมาญะฮ์จึงเล่าหะดีสนี้จากอบูมาลิก อัล-อัชอารี ด้วยคำพูดดังต่อไปนี้ :
“ในหมู่ผู้ปฏิบัติตามฉันจะมีบางคนที่ดื่มเหล้าโดยเรียกมันด้วยชื่ออื่นในขณะที่พวกเขาฟังเครื่องดนตรีและร้องเพลงของนักร้องหญิง อัลลอฮฺจะทำให้แผ่นดินกลืนพวกเขาและจะทำให้พวกเขากลายเป็นลิงและหมู”
(หะดีสนี้ได้ถูกเล่าโดยอิบนุ ฮิบบาน)
ข้อสรุปเรื่องการอนุญาตเครื่องดนตรี
จากที่กล่าวมาข้างต้น มันเป็นที่ชัดเจนว่าตัวบททางศาสนาที่เป็นพื้นฐานสำหรับคนที่ถือว่าการร้องเพลงเป็นที่ต้องห้าม(หะรอม)นั้นยังคงคลุมเครือหรือไม่ก็อ่อนหลักฐาน ไม่มีหะดีสใดที่โยงไปถึงท่านนบี
และสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในการตัดสินห้ามได้ ยิ่งไปกว่านั้น หะดีสเหล่านี้ทั้งหมดยังได้ถูกประกาศว่า
“หลักฐานอ่อน”
(เฎาะอีฟ) โดยผู้ปฏิบัติตามอิบนุฮัซม์, มาลิก, อิบนุฮัมบัล และอัชชาฟีอี
ในหนังสือเรื่อง
“อัล-อะฮฺกาม”
(ระเบียบกฎหมาย) ของอัล-กอฎี อบูบักร อิบนุ อัล-อะเราะบี เขากล่าวว่า
“ไม่มีหะดีสใดที่กล่าวว่าการร้องเพลงเป็นสิ่งต้องห้ามถูกถือว่าเป็นที่เชื่อถือได้(โดยนักวิชาการหะดีส)”
อัล-เฆาะซาลีและอิบนุ อัน-นะฮวีก็แสดงความเห็นเช่นนี้ไว้ในหนังสือ
“อัล-อุมด๊ะฮฺ”
อิบนุฏอฮิรกล่าวว่า
“ไม่มีแม้แต่ตัวอักษรเดียวจากหะดีสเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นที่เชื่อถือได้”
อิบนุฮัซม์กล่าวว่า
“หะดีสทั้งหมดที่ถูกรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นหะดีสที่ถูกกุขึ้นและเป็นเท็จ”
ข้อพิสูจน์ของบรรดาถือว่าการร้องเพลงเป็นที่อนุมัติ
ประการแรก :
ข้อพิสูจน์ทางตัวบท : นักวิชาการกลุ่มนี้อาศัยเหตุผลจากโต้แย้งจากหะดีสของท่านนบี
ดังต่อไปนี้ : ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า
“ท่านรอซูลุลลอฮฺ
ได้มายังบ้านของฉันในขณะที่เด็กผู้หญิงสองคนกำลังร้องเพลงเกี่ยวกับสงครามบุอาษ (สงครามระหว่างพวกเอาซ์และคอสรอจญ์ก่อนหน้าอิสลาม) อยู่ข้างๆฉัน ท่านนบี
ได้นอนลงและหันหน้าของท่านไปอีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้น อบูบักร์กเข้ามาแล้วพูดกับฉันด้วยเสียงดุว่า ‘เครื่องดนตรีของชัยฏอนใกล้ท่านนบี’ ดังนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺ
จึงได้หันมายังเขาและกล่าวว่า ‘ ปล่อยพวกเธอเถอะ ’เมื่ออบูบักรเลิกสนใจแล้ว ฉันก็ให้ส่งสัญญาณให้เด็กผู้หญิงเหล่านั้นออกไปและพวกเธอก็ออกไป” (เศาะฮีฮ์ อัล-บุคอรี)
นี้เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเด็กผู้หญิงสองคนนั้นไม่ใช่เด็กเล็กอย่างที่นักวิชาการบางคนอ้าง ถ้าหากเป็นเด็กเล็ก อบูบักร์ก็คงจะไม่โกรธเด็กในลักษณะเช่นนั้น นอกจากนั้นแล้ว ในหะดีสนี้ ท่านนบี
ยังต้องการที่จะสอนพวกยิวว่าอิสลามมีช่องว่าสำหรับความบันเทิงและท่านเองก็ได้ถูกส่งมาพร้อมกับกฎที่เป็นสายกลางและยืดหยุ่น ตรงนี้มีบทเรียนสำคัญอีกบทหนึ่งด้วย กล่าวคือ มันทำให้เราเห็นถึงความจริงว่าเราจำเป็นที่จะต้องนำอิสลามไปยังผู้อื่นในลักษณะที่ดีพร้อมกับแสดงความเป็นสายกลางและใจกว้าง
ยิ่งไปกว่านั้น เราสามารถที่จะยกวจนะของอัลลอฮฺมาอ้างได้ว่า :
“และเมื่อพวกเขาได้เห็นการค้าและการรื่นเริง พวกเขาก็กรูกันไปที่นั่นและปล่อยเจ้าให้ยืนอยู่คนเดียว (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่าสิ่งที่มีอยู่ที่อัลลอฮฺนั้นดีกว่าการรื่นเริงและการค้า และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นเลิศยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ”
(กุรอาน 62:11)
ในอายะฮฺนี้ อัลลอฮฺพูดถึงเรื่องการรื่นเริงกับการค้า แต่พระองค์ไม่ได้ตำหนิสิ่งทั้งสอง พระองค์เพียงแต่ตำหนิบรรดาสาวกที่ทิ้งท่านนบีมุฮัมมัด
ไว้ให้กล่าวคำเทศนาวันศุกร์ตามลำพังโดยกรูกันไปสนใจกองคาราวานและการตีกลองฉลองที่กองคาราวานมาถึง
ประการที่สอง :
ในเรื่องเจตนารมณ์และพื้นฐานของอิสลาม เป็นเรื่องจริงที่อัลลอฮฺได้ทรงห้ามสิ่งดีๆในชีวิตโลกนี้สำหรับพวกลูกหลานอิสราเอลเพื่อเป็นการลงโทษการทำผิดของคนพวกนี้ พระองค์ทรงกล่าวว่า
“ เนื่องจากความผิดที่พวกยิวได้ทำไว้ เราจึงได้ห้ามสิ่งดีๆที่เราเคยอนุมัติให้พวกเขาและเพราะว่าพวกเขาขัดขวางทางของอัลลอฮฺและเพราะพวกเขาเอาดอกเบี้ยทั้งๆที่มันเป็นที่ต้องห้ามแล้วและเพราะพวกเขากินทรัพย์สินของคนอื่นโดยไม่เป็นธรรม เราจึงได้เตรียมการลงโทษอันเจ็บแสบไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา”
(กุรอาน 4:160-161)
ก่อนที่จะส่งท่านนบีมุฮัมมัด
มา พระองค์ได้กล่าวถึงท่านในคัมภีร์ก่อนๆนี้ว่า
“บรรดาผู้ปฏิบัติตามรอซูล นบีที่ไม่สามารถอ่านเขียนได้ซึ่งพวกเขาพบว่าได้มีการกล่าวไว้ในคัมภีร์เตารอตและอินญีลที่อยู่กับพวกเขา เขาจะสั่งใช้พวกเขาในสิ่งที่ถูกต้องและห้ามพวกเขาในสิ่งที่ผิด เขาจะทำให้สิ่งดีเป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขาและจะห้ามสิ่งที่ไม่ดีสำหรับพวกเขา”
(กุรอาน 7:157)
ดังนั้น อิสลามจึงไม่ทิ้งสิ่งดีไว้ แต่ได้ประกาศว่ามันเป็นที่อนุมัติ (หะลาล) นี่เป็นสัญญาณหนึ่งของความเมตตาต่อประชาชาตินี้โดยการเดินไปตามคำสอนที่มีขอบเขตกว้าง อัลลอฮฺทรงกล่วว่า
“พวกเขาถามเจ้า(มุฮัมมัด)ว่าอะไรที่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา จงตอบเถิดว่าสิ่งดีทั้งหมดได้ถูกอนุมัติสำหรับพวกท่าน”
(กุรอาน 5:4)
ถ้าเราจะมองอะไรให้ลึกลงไปในเรื่องนี้ เราจะพบว่าความชอบที่จะร้องเพลงและเสียงดนตรีนั้นเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ เราสามารถกล่อมเด็กในเปลให้หลับโดยการร้องเพลง แม่และพี่เลี้ยงเด็กมักจะชอบร้องเพลงให้ทารกและเด็กที่ตัวเองเลี้ยงดู ยิ่งไปกว่านั้น นกและสัตว์ก็ตอบสนองต่อเสียงที่ไพเราะและเสียงดนตรีที่เป็นจังหวะ
ดังนั้น ถ้าหากการร้องเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่อิสลามจะไปฝ่าฝืนสัญชาติญาณของมนุษย์ อิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า
“ท่านนบี
ได้ถูกส่งมาขัดเกลาและจัดระเบียบวินัยสัญชาติญาณของมนุษย์ ไม่ใช่มาเปลี่ยนหรือมาแก้ไขมัน”
นี่ก็เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับหะดีสของท่านนบี
ที่ว่า
“เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺ
ได้มายังมะดีนะฮ์ ท่านได้เห็นพวกเขาเฉลิมฉลองกันเป็นเวลาสองวัน ท่านได้กล่าวถามว่า ‘วันอะไรกันซิ ?’ พวกเขาตอบว่า ‘เราเคยรื่นเริงกันในวันเหล่านี้ในระหว่างยุคก่อนหน้าอิสลาม ท่านได้กล่าวว่า ‘แท้จริง อัลลอฮฺได้ให้โอกาสท่านสองวันซึ่งดีกว่านั่นคือวันอีดุลอัฎฮาและวันอีดุลฟิฏร์”
(รายงานโดยอะหมัด,อบูดาวูดและอันนะซาอี)
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากการร้องเพลงถูกถือว่าเป็นการรื่นเริงและการละเล่น มันก็ไม่เป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จำเป็นต้องมีเวลาบ้างสำหรับการผ่อนคลายและการรื่นเริง ท่านนบี
ได้กล่าวแก่ฮันซาละฮ์ที่คิดว่าตัวเองเป็นพวกตลบตะแลงที่ห่วงดูแลภรรยาและลูกและทำให้เขาเปลี่ยนแปลงเมื่ออยู่ห่างจากท่านรอซูลุลลอฮฺ
ว่า
“ ฮันซาละฮ์เอ๋ย ท่านควรจะให้ให้เวลาส่วนหนึ่งสำหรับเรื่องทางโลกและอีกส่วนหนึ่งสำหรับการนมาซ”
(รายงานโดยมุสลิม)
อะลี อิบนุ อบูฏอลิบกล่าวว่า
“จงทำให้ตัวท่านเองสนุกสนานรื่นเริงบ้างเป็นบางครั้งเพราะถ้าหากหัวใจตึงเครียดเกินไปมันจะบอดเอา”
อบูดัรดาได้กล่าวว่า
“ฉันทำให้ตัวฉันเองสดชื่นเสมด้วยการสนุกสนานเพื่อที่จะทำให้ตัวฉันเองเข้มแข็งในหนทางที่ถูกต้อง”
อิมามเฆาะซาลีได้ตอบบางคนที่ถามท่านว่า :
“การร้องเพลงมิใช่การละเล่นและการรื่นเริงชนิดหนึ่งหรือ ?”
ท่านกล่าวว่า :
“ใช่ แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตปัจจุบันนี้เป็นแค่เพียงการละเล่นและการรื่นเริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสามีและภรรยาของเขาก็เป็นการละเล่นยกเว้นการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่เป็นสาเหตุโดยตรงของการก่อให้เกิดบุตร นี่เป็นสิ่งที่ถูกรายงานมาจากรอซูลุลลอฮฺ
และสาวกอันทรงเกียรติของท่าน”
ความจริงแล้ว เวลาพักผ่อนเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจสดชื่นและเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดในเวลาเดียวกัน ความตึงเครีดและความจริงจังมากเกินไปจะทำให้หัวใจเหนื่อยอ่อนและมืดบอด
การทำให้ตัวเองรื่นเริงนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองสดชื่นและเข้มแข็ง คนที่ทำงานหนักต่อเนื่องกันควรจะพักสักครู่หนึ่งเพื่อที่จะฟื้นฟูให้พลังของตัวเองกลับมาอีกครั้ง เพราะมิเช่นนั้นแล้วเขาจะต้องมีปัญหาในอนาคต เมื่อใครคนหนึ่งพัก เรี่ยวแรงและพลังของเขาก็จะกลับคืนมา บรรดานบีเท่านั้นที่สามารถทนต่อความตึงเครียดอย่างหนักได้ การมีเวลาพักผ่อนเป็นรูปแบบหนึ่งของการรักษาโรคแห่งตัวตน เป็นการรักษาความเหนื่อยล้าและความเบื่อหน่าย แต่การพักผ่อนจะต้องไม่เกินเลยขอบเขตเพราะมันเป็นขัดกับเรื่องของการทำให้หัวใจรื่นเริงเพื่อที่จะทำให้มันสามารถเดินต่อไปได้ คนที่คุ้นเคยและมีประสบการณ์ในธรรมชาติของหัวใจและตัวตนของมนุษย์รู้ว่าการพักผ่อนหย่อนคลายเป็นการปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับชีวิตที่ดีของตนเอง ข้อพิสูจน์ถึงการอนุญาตร้องเพลงเหล่านี้ได้มาจากตัวบทและกฎระเบียบของอิสลาม และสิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะสร้างความกระจ่างให้เรื่องนี้ได้
นอกจากนั้น ชาวมะดีนะฮฺผู้เคร่งครัดและเกรงกลัวพระเจ้าชาวซอฮิรียะฮฺผู้รู้ดีถึงหลักฐานของตัวบทและพวกซูฟีที่เข้มงวดในการปฏิบัติตนก็ยังถูกอ้างว่าการร้องเพลงเป็นที่อนุญาต
อิมาม เชากานีกล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง
“นัยลุ้ลเอาตอร”
ว่า “ชาวมะดีนะฮฺและบรรดาผู้คนในหมู่ชาวซอฮิรียะฮฺและพวกซูฟีถือว่าการร้องเพลงเป็นที่อนุญาต แม้จะมีเครื่องดนตรีประกอบ เช่นขลุ่ย อบูมันซูร อัล-บุฆดาดี อัช-ชาฟิอีเล่าว่าอับดุลลอฮฺ อิบนุญะฟัรเห็นว่าไม่มีอะไรผิดในการร้องเพลงและเขาเองก็เคยแต่งเพลงให้ทาสของเขาร้องต่อหน้าเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นในระหว่างสมัยของอะลี อิบนุ อบูฏอลิบ เป็นผู้นำ อบูญะฟัร อัล-บุฆดาดีเล่าเรื่องนี้หลังกอฎีชุร็อยฮ์, ซะอ์ดี อิบนุ อัล-มุซ้ยยิบ , อะฏอ อิบนุรอบาฮ์, อัซ-ซุฮรีและอัช-ชะอ์บี อัร-รุวัยยานีเล่าจากอัล-ก็อฟฟาลว่ามาลิก อิบนุอะนัสถือว่าการร้องเพลงพร้องเครื่องดนตรีเป็นที่อนุญาต นอกจากนั้นแล้ว อบูมันซูร อัล-ฟุรอนีก็อ้างว่ามาลิกกล่าวว่าการเล่นขลุ่ยเป็นที่อนุญาต
อบู อัล-ฟัดล์ อิบนุ ฏอฮิรเล่าว่า
“ชาวมะดีนะฮฺไม่เคยโต้เถียงกันเรื่องการอนุญาตให้เล่นขลุ่ย”
อิบนุอัน-นะฮวีเล่าไว้ในหนังสือ
“อัล-อุมด๊ะฮฺ”
ของเขาว่า :
“ อิบนุฏอฮิรได้กล่าวว่าชาวมะดีนะฮฺได้แสดงความเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ พวกซอฮิรียะฮฺทั้งหมดก็กล่าวเช่นเดียวกัน”
อัล-เมาริดีได้บอกเล่าถึงการอนุญาตให้เล่นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งซึ่งมีรูปทรงคล้ายน้ำเต้า และอัล-อัดฟูวีก็ตัดสินว่านี่เป็นที่อนุญาต
นักวิชาการเหล่านี้ทั้งหมดถือว่าการ้องเพลงที่มีเครื่องดนตรีประกอบเป็นที่อนุญาต แต่ส่วนเรื่องการร้องเพลงที่ไม่มีเครื่องดนตรีประกอบนั้น อัล-อัดฟูวีได้กล่าวว่า ในหนังสือเกี่ยวกับนิติศาสตร์บางเล่มอิมามเฆาะซาลีกล่าวถึงมติของบรรดานักวิชาการส่วนใหญ่ว่าเป็นที่อนุญาต อิบนุฏอฮิรก็กล่าวถึงมติเอกฉันท์ของสาวกของท่านนบี
และบรรดาคนรุ่นหลังสาวกในเรื่องนี้ อิบนุ อัน-นะฮวีกล่าวไว้ในหนังสือ
“อัล-อุมด๊ะฮฺ”
ว่าการร้องเพลงและการการฟังเพลงเป็นที่อนุญาตโดยสาวกกุล่มหนึ่งและผู้ปฏิบัติตามสาวกเหล่านั้น
เงื่อนไขและข้อกำหนด
อย่างไรก็ตามมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่จะต้องปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องการฟังเพลงบางอย่างดังนี้
1) มิใช่ว่าการร้องเพลงทุกอย่างเป็นที่อนุญาต เพลงที่อนุญาตนี้จะต้องสอดคล้องกับหลักคำสอนและจริยธรรมอิสลาม ดังนั้นเพลงที่ร้องเพื่อยกย่องสรรทรราชย์และผู้ปกครองที่ทุจริตนั้นไม่สอดคล้องกับคำสอนของอิสลาม เพราะอิสลามต่อต้านผู้ล่วงละเมิดและพันธมิตรของผู้ล่วงละเมิดและบรรดาผู้เฉยเมยต่อการล่วงละเมิด
2) วิธีการร้องเพลงก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเนื้อหาของเพลงดี แต่การแสดงออกของผู้ร้องที่มีเจตนากระตุ้นหรือเร้าอารมณ์ใคร่และยั่วยวน การร้องเพลงเช่นนั้นก็อาจจะเข้าข่ายต้องห้าม หรือเป็นที่สงสัยหรือน่ารังเกียจ คัมภีร์กุรอานได้กล่าวแก่บรรดาภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัด
ว่า
“โอ้ภรรยาของนบีเอ๋ย พวกเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงอื่นๆ ถ้าหากพวกเธอระวังรักษาหน้าที่ของพวกเธอต่ออัลลอฮฺ ดังนั้น ก็จงอย่าพูดจาเสียงอ่อนหวานเพราะเกรงว่าบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาเป็นโรคอาจจะคิดไม่ดี แต่จงพูดด้วยน้ำเสียงปกติ”
(กุรอาน 33:32) ดังนั้นเราจะต้องระวังเรื่องดนตรีเมื่อมันมีคำร้องที่ใช้เสียงออเซาะประกอบเสียงดนตรีที่มีท่วงทำนองให้เคลิบเคลิ้มและแสงสีต่างๆ
3) การร้องเพลงจะต้องไม่มีอะไรที่เป็นที่ต้องห้ามประกอบ เช่น สิ่งมึนเมา การเปิดเผยเรือนร่างหรือการเปลือยกาย การอยู่ร่วมปะปนกันหรือมั่วสุมกันระหว่างชายหญิงอย่างที่เห็นกันในผับและไนท์คลับ
4) อิสลามห้ามการเกินเลยขอบเขตในทุกเรื่องแม้แต่ในเรื่องของการนมาซ
ดังนั้น ในการพักผ่อนและรื่นเริงก็เช่นกันถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นที่อนุญาตก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าช่องว่างของความคิดและหัวใจนั้นจะต้องได้รับการรักษาไว้และแก้ไขในระหว่างการมีชีวิตในช่วงสั้นๆของมนุษย์ เราจะต้องรู้ว่าอัลลอฮฺจะถามเราทุกคนเกี่ยวกับชีวิตของและโดยเฉพาะวัยหนุ่มของเราว่าเราใช้มันไปอย่างไร?
มีบางสิ่งที่เขาจะต้องตัดสินด้วยตัวของเขาเอง ถ้าหากมีการร้องเพลงบางอย่างที่เร้าอารมณ์ปรารถนาของเขาและนำเขาห่างออกไปจากชีวิตจริง เขาควรจะหลีกเลี่ยงมันแล้วปิดประตูนั้นไม่ให้ลมแห่งการทดสอบและล่อลวงเข้ามาทำลายศาสนา ศีลธรรมและหัวใจของเขาหรือไม่ ถ้าหากเขาทำ เขาก็จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบ
คำเตือนสำหรับการใช้คำว่า“หะรอม”
ในการสรุปเรื่องนี้ เราขอกล่าวกับบรรดาผู้มีความรู้ที่ชอบใช้คำว่า
“หะรอม”
อย่างพล่อยๆในการออกคำตัดสินปัญหา ขอให้คนเหล่านี้ตระหนักว่าอัลลอฮฺกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ในทุกเรื่องที่เขาพูดและทำ พวกเขาควรจะรู้ว่าคำว่า
“หะรอม”
มีอันตรายมาก มันหมายถึงการลงโทษของอัลลอฮฺต่อการกระทำหรือคำพูดบางอย่าง
ดังนั้นจึงไม่ควรจะพูดออกมาจากการเดา หรือพูดตามอำเภอใจหรือใช้หะดีสอ่อนหลักฐานมาอ้าง มันจะต้องมีตัวบทหรือมติเอกฉันท์ที่ชัดเจนมาสนับสนุน ถ้าหากไม่มีสองสิ่งนี้แล้วเราก็หันกลับไปยังกฎระเบียบเรื่องการอนุญาตดั้งเดิมที่ใช้กับสิ่งต่างๆ เรามีตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งจากนักวิชาการผู้คุณธรรมในยุคก่อนไว้ให้ปฏิบัติตาม อิมามมาลิก กล่าวว่า
“มันไม่ใช่นิสัยของคนก่อนหน้าเรา มุสลิมผู้ทรงคุณธรรมก่อนหน้านี้ที่สร้างตัวอย่างที่ดีไว้ให้คนรุ่นหลังปฏิบัติตามนั้นที่จะกล่าวว่า ‘นี่เป็นสิ่งที่หะลาล(เป็นที่อนุมัติ) และนี่เป็นสิ่งที่หะรอม (เป็นที่ต้องห้าม) แต่พวกเขาจะกล่าวว่า ‘ ฉันไม่ชอบนั่นไม่ชอบนี่และถือปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สำหรับเรื่องหะลาลและหะรอมนั้น มันเป็นสิ่งที่อาจถูกเรียกว่าสร้างเรื่องโกหกให้อัลลอฮฺ พวกท่านไม่ได้ยินวจนะของอัลลอฮฺหรือว่า : จงกล่าวเถิด สูเจ้าไม่พิจารณาบ้างหรือว่าอัลลอฮฺได้ประทานปัจจัยอะไรให้สูเจ้าบ้าง แล้วสูเจ้ากลับมาทำบางส่วนของมันให้เป็นที่อนุมัติและบางส่วนของมันเป็นที่ต้องห้าม? จงกล่าวเถิด อัลลอฮฺได้ทรงอนุมัติแก่สูเจ้าแล้ว หรือสูเจ้าจะมาสร้างเรื่องโกหกให้แก่อัลลอฮฺ ?
(กุรอาน 11:59) เพราะหะลาลคือสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์อนุมัติและหะรอมคือสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ห้าม”
Tweet
Tags :
view
ทำเว็บ
ทำเว็บไซต์
สร้างเว็บ
สร้างเว็บไซต์
เว็บไซต์สำเร็จรูป
เว็บสำเร็จรูป
ออกแบบเว็บ
ออกแบบเว็บไซต์
เขียนเว็บไซต์
สร้างเว็บฟรี
เว็บฟรี
ร้านค้าออนไลน์
ตู้คอนเทนเนอร์
Muslimthai
บรรยายธรรมอิสลาม
คณะกรรมการกลางอิสลาม
วิทยุเสียงอิสลาม
อิสลามอินไทยแลนด์
อนาชีด
view