ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างโดยนาย เกิร์ต ไวล์เดอร์ สส.เนเธอร์แลนด์ สะท้อนภาพการโจมตีเพื่อก่อการร้ายของกลุ่มหัวรุนแรงที่นครนิวยอร์คของสหรัฐและที่กรุงมาดริดของสเปน

(29มีค.) โฆษกกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียกล่าวว่า เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง ฟิตน่า ซึ่งแปลว่าความขัดแย้งในภาษาอารบิค กำลังก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เต็มไปด้วยการแบ่งแยกเชื้อชาติ และเป็นการแสดงความไม่รับผิดชอบต่อเสรีภาพที่มีขอบเขตของสื่อ

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างโดยนาย เกิร์ต ไวล์เดอร์ สส.เนเธอร์แลนด์ สะท้อนภาพการโจมตีเพื่อก่อการร้ายของกลุ่มหัวรุนแรงที่นครนิวยอร์คของสหรัฐและที่กรุงมาดริดของสเปน โดยอ้างว่าเป็นการกระทำที่เชื่อมโยงกับบทบัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอ่าน และได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ที่ชื่อ ไลฟ์ลีคดอทคอม Liveleak.com เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาธีร์ โมฮัมหมัด ได้ประณามเรื่องนี้เช่นกัน และเชื่อว่ามีปัจจัยทางการเมืองอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ชาวมุสลิมคว่ำบาตรสินค้าของเนเธอร์แลนด์ โดยว่า หากชาวมุสลิมทั่วโลก 1,300 ล้านคนเป็นหนึ่งเดียวกันเชื่อว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเนเธอร์แลนด์อย่างแน่นอน

ด้านรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ หว่อง คาน เส็ง ก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน โดยว่า เสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้ให้สิทธิ์ใครคนหนึ่งดูหมิ่นศาสนาหรือเชื้อชาติของผู้อื่นได้

ขณะที่ เว็บไซต์ Liveleak.com ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษ เปิดเผยเช้าวันนี้ว่าได้ถอดภาพยนตร์เรื่องนี้ออกแล้ว หลังพนักงานถูกขู่ทำร้ายในรูปแบบต่างๆ แต่ยังปรากฏอยู่ได้ในเว็บไซต์อื่นๆรวมทั้งยูทู้บดีโอความยาว 15 นาทีผลงานของผู้นำพรรคฟรีดอมของเนเธอร์แลนด์ ถูกนำมาเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเมื่อเย็นวันพฤหัสบดี ปลุกกระแสเรียกร้องจากเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ให้นำบุคคลผู้นี้มาสังหารด้วยการตัดศีรษะ และกลุ่มติดอาวุธควรโจมตีทหารเนเธอร์แลนด์ในอัฟกานิสถานให้มากขึ้น เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมฉีกบทกวีที่มีแต่ความโกรธแค้นออกจากคัมภีร์กุระอ่าน ภาพเปิดและปิดเรื่องเป็นภาพการ์ตูนของศาสดาโมฮัมหมัดที่มีระเบิดซุกอยู่ใต้ผ้าโพกศีรษะ และเสียงของระเบิดเวลาดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ ภาพการ์ตูนนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ของเดนมาร์ก ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านในหมู่ชาวมุสลิมทั่วโลกและการบอยคอตต์สินค้าของเดนมาร์กในปี 2549 และเลขาธิการสหประชาชาติก็ออกมาประณามภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว