http://kaireyah.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 อัลกุรอ่าน

 วีดีโอ

 อิสลามใหม่

 ข่าวสารอิสลาม

 กุรอ่านแปลไทย

 ดุอาพื้นฐาน

 ติดต่อเรา

บริการ

หน้าแรก
บทความศาสนา
ฟังอัลกุรอ่าน
สนใจอิสลาม
ตัฟซีรกุรอาน
เว็บบอร์ด
เทปเรียนวันอาทิตย์
ตัฟซีรอัลกุรอ่าน
เวลาละหมาด จ.สตูล
รวมรูปภาพ
สมัครสมาชิก
สั่งซื้อสินค้า
ฆัยรียะฮ์เทรเวล
ดาวโหลดโปรแกรม
thai-school

ปฎิทิน

« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

สินค้า

 เบเกอรี่ฆัยรีย๊ะ
 น้ำดื่มฆัยรีย๊ะฮ์

บทดุอา

รับฟังรายการ

อัลฮาดิษ

หนังสือน่าอ่าน

บทความศาสนา

ทีวีมุสลิม

นำโค๊ดไปติดเว็บ

ร่วมพูดคุย

สถิติ

เปิดเว็บ13/02/2008
อัพเดท07/03/2024
ผู้เข้าชม435,072
เปิดเพจ544,876
สินค้าทั้งหมด5
iGetWeb.com
AdsOne.com

ครูสอนศาสนาถูกตชด.นับร้อย.บุกค้นร.ร. ทรมานให้รับอยู่เบื้องหลังป่วนใต้

ครูสอนศาสนาถูกตชด.นับร้อย.บุกค้นร.ร. ทรมานให้รับอยู่เบื้องหลังป่วนใต้

ครูสอนศาสนาถูกตชด.นับร้อย.บุกค้นร.ร. ทรมานให้รับอยู่เบื้องหลังป่วนใต้

เรื่องจริงที่ได้สัมผัส : ไฟใต้หยุดยาก..หากยังมีกระบวนการซ้อมผู้ต้องสงสัย

มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์มาบันทอนสะเทือนจิตใจของพวกเราชาวอำเภอจะนะ (นี่คือคำพูดของชาวบ้านหมู่ 7 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ. สงขลา) นั้นก็คือ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 มีกองกำลังทหารพรานและ ตชด.ที่ไม่ทราบจำนวน ( ประมาณ 100 กว่านาย ) ได้ล้อมรอบทุกอณูบริเวณโรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยา ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นแตกตื่น และหวาดผวากับเหตุการณ์ในครั้งนั้น

และในวันนั้นทางโรงเรียนมีกำหนดให้ปิดการเรียนการสอน เพื่อให้คณะครูและนักเรียนเตรียมการในการจัดงาน ซึ่งบุคลากรส่วนใหญ่จะออกเดินทางเชิญแขกให้มาร่วมงาน และมีบุคลากรทำการในโรงเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ในขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ได้กระจายกองกำลังเข้าไปในบริเวณโรงเรียนและเข้าตรวจค้นบ้านพักครูและชาวบ้านโดยไม่มีหมายค้น
หรือหลักฐานใดที่บ่งบอกถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้มาเยือน

เพียงเวลาไม่กี่นาทีที่ครูนั่งทำงานก็ได้มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามาโดยไม่รู้ตัวมาก่อนและข่มขู่ถามไถ่ถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงให้โทร.ตามผู้บริหารทุกคน แต่ติดต่อไม่ติดสักคน  

ครูที่เป็นตัวแทนเจ้าบ้านในขณะนั้นพยายามต้อนรับอย่างมิตรไมตรี

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชุดหนึ่งเข้ามาในบริเวณสำนักงานโรงเรียน และในขณะนั้นมีครูนั่งทำงานในสำนักงานเพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่คำตอบกลับไม่เป็นมิตรด้วยวาจาที่ไม่สุภาพ และพยายามเค้นให้โทร.หาผู้บริหารอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ให้พูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

และอีกกองกำลังหนึ่งได้ไปที่บ้านพักของผู้รับใบอนุญาต ซึ่งขณะนั้นมีนายอามีนูดีน กะจิและภรรยาพร้อมลูกสาววัย 1 ขวบ อยู่ที่บ้าน

ฝ่ายเจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าตรวจค้นบริเวณหอพักนักเรียนชายและนักเรียนหญิงโดยที่นายอามีนนูดีนพยายามไกล่เกลี่ย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟัง และได้จับตัวนายอามีนูดีนมาที่หน้าห้องสำนักงานโรงเรียน

นอกจากนี้ยังรวบตัวครูผู้ชาย 1 คน นักเรียนชาย 2 คน มาที่หน้าสำนักงานโรงเรียน

ไม่นานมีครูอับดลรอหมาน สอมัน เข้ามาเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับโดนจับตัวโดยไร้เหตุผล โดยเจ้าหน้าที่เรียกดูบัตรประจำตัวประชาชน แต่เนื่องจากครูอับดลรอหมานไม่ได้พกมาเพราะเพิ่งเสร็จจากการทำไก่ (เฉือดไก่) ที่บ้าน และได้สรุปดื้อๆ ว่าครูอับดลรอหมานไม่ใช่คนไทย

ในระหว่างที่เหตุการณ์ชุลมุนอยู่นั้นเจ้าหน้าที่บางคนรวมถึงคนที่ใส่หน้ากาก (ไอ้โม่ง ) ใช้คำพูดไม่สุภาพ แข็งกร้าวและข่มขู่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รวบตัวมารวมที่หน้าสำนักงาน เจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธก็ได้จับตัวผู้ต้องสงสัยแบบไม่มีมูลเหตุที่ชัดเจน และไม่ได้แสดงตนว่าเป็นใคร หน่วยงานใด และไม่มีเอกสารยืนยันในการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ โดยบุคลากรที่ถูกจับตัวในครั้งนี้คือ

1.นายอับดลรอหมาน สอมัน ตำแหน่งครูสอนภาควิชาสามัญและหัวหน้าฝ่ายวิชาการสามัญ

2.นายอามีนูดีน กะจิ ตำแหน่งครูสอนภาควิชาศาสนา

ความตึงเครียดของเหตุการณ์ทวีคูณขึ้นเมื่อชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นครูของตัวเองโดนจับขึ้นรถซึ่งไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ที่ไหน จึงอาสาตัวเพื่อที่จะไปพร้อมกับกองกำลังและนักโทษ

ประมาณ 45 นาที รถนำผู้ต้องสงสัยเข้าไปจอดในหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 อ.นาทวี และมีพี่น้องชาวบ้านไปสมทบอีกจำนวนพอประมาณ

เวลาประมาณ 18.00 น. ได้ปล่อยตัวนายอับดลรอหมาน สอมัน โดยยังคงรั้งตัวนายอามีนูดีน กะจิ ไว้ญาติที่ติดตามไปด้วยได้เฝ้าสังเกตการณ์จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. จึงได้เดินทางกลับ

ในเวลาประมาณ 18.30 น. ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากนายนัสรูดีน กะจิ ผู้รับใบอนุญาตซึ่งอยู่ที่มาเลเซียให้ทำอย่างไรก็ได้ประสานทุกเครื่อข่ายที่รู้จัก ขอให้คืนนั้นปล่อยน้องก่อนแล้วรุ่งเช้าจะนำน้องมาให้สอบสวนด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากผู้เขียนได้ประสานกับนายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และ พ.อ.ต.สมพงษ์ ขอนแก่น รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 เพื่อขอร้องเรื่องดังกล่าว (พ.อ.ต.สมพงษ์ ขอนแก่น เคยทำงานมวลชนร่วมกับผู้เขียนและเคยเป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 อ.นาทวี) ในที่สุดท่านได้ประสานเรื่องที่คณะของผู้เขียนร้องขอ

หลังจากนั้นเวลา ประมาณ 19.30 น. คณะของเราร่วมทั้ง พ.ต.ท.มลยา เจ้าหน้าที่จากจะนะซึ่งทำงานมวลชนกับพวกเราตลอดไปที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 43 อ.นาทวีเพื่อเจรจาและประกันตัว แต่ทางผู้รับผิดชอบหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 ไม่ยอมและรับประกันด้วยเกียรติของเจ้าหน้าที่จะใช้หลักนิติธรรมในการสอบสวนและจะไม่ซ้อมผู้ต้องหาอย่างเด็ดขาด

เมื่อรับประกันอย่างนั้นต่อคณะของเรา เราจึงเดินทางกลับ แต่ในใจลึกๆยังกังวลอีกมาก

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 ตั้งแต่เช้าพวกเราประสานทุกเครื่อข่ายทั้งภาคการเมืองระดับประเทศ ท้องถิ่น หน่วยงานความมั่นคงทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยเฉพาะ พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 (ตชด.) ในทางยุทธการ

ในการประสานของเราทางโทรศัพท์กับ พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ซึ่งท่านบอกว่าท่านไม่ทราบเลยว่ามีการควบคุมตัวไป เนื่องจากไม่มีการแจ้งมาก่อน เพราะทุกครั้งที่จะมีการจับกุมได้สั่งว่า ถ้าไม่มีหมายจับของศาลห้ามจับกุมเด็ดขาด

กรณีนี้เป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา เพราะในการควบคุมตั้งครั้งนี้เป็นการผสมกำลังกันระหว่างตำรวจตระเวนชายแดน ทหารพรานซึ่งขึ้นตรงต่อหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 ในทางยุทธการ อีกหน่วยหนึ่งที่ร่วมควบคุมตัวคือ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) พ.อ.ประยงค์เปิดเผยอีกว่า ได้สอบถามไปยังหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 จนทราบเรื่องพร้อมกับตำหนิที่ไปควบคุมตัวโดยไม่แจ้งให้ทราบ จากนั้นจึงแจ้งให้ญาติไปรับตัวกลับ แต่ได้รับแจ้งว่าถูกนำตัวไป ศปก.ตร.สน.แล้ว จึงโทรศัพท์ไปถามอีกครั้งว่าเหตุใดจึงส่งไปที่นั่น ได้รับคำตอบว่า ที่จริงถูกส่งตัวไปที่ค่ายอิงยุทธบริหารแล้ว ประกอบกับ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งกำชับในเรื่องนี้ เมื่อท่านถึงค่ายอิงยุทธบริหารและรับตัวนายอมีนูดีน กะจิ

ท่านบอกต่อว่า "เมื่อไปถึงผมเห็นสภาพของนายอมีนูดีนแล้วรู้สึกเสียใจมากที่เจ้าหน้าที่ไปซ้อมเขา ผมจึงบันทึกปากคำเหตุการณ์จากเขา แล้วแจ้งให้ญาติมารับเมื่อญาติมาเห็นสภาพอย่างนั้น แน่นอนต้องไม่พอใจ ผมจึงบอกว่าจะให้ความเป็นธรรม โดยจะตั้งกรรมการสอบสวนหาตัวคนทำผิดมาลงโทษ ส่วนเขาจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายก็ได้ โดยผมจะส่งนายทหารพระธรรมนูญติดตามการดำเนินคดี เพราะกลัวจะมีการช่วยเหลือคนทำผิดไม่ให้ถูกลงโทษ"

นั้นคือคำบอกเล่าของท่าน พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ซึ่งเมื่อคณะของเราไปรับนายอมีนูดีนก็เจอสภาพอย่างนั้นจริงๆ และพวกเราได้สอบถามเจ้าตัวซึ่งเปิดเผยว่า

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 22.15 นาที (หลังจากผู้รับผิดชอบหน่วยเฉพาะกิจที่ 43 รับประกันด้วยเกียรติของเจ้าหน้าที่จะใช้หลักนิติธรรมในการสอบสวนและจะไม่ซ้อมผู้ต้องหาอย่างเด็ดขาดกับพวกเราและ
หันรถออกจากค่าย) ขณะอยู่ในค่าย ฉก.43 อ.นาทวี ถูกรุมทำร้ายร่างกาย

โดยเจ้าหน้าที่ 5 นาย ตั้งคำถามกลับไปกลับมา ทั้งซ้อม ทั้งเตะ เหยียบ ตบหู ครั้งที่ 1 ข้างซ้าย ผู้เสียหายบอกว่า "หูผมข้างซ้ายไม่ได้ยิน" เจ้าหน้าที่ พูดตอบกลับว่า "เดี๋ยวกูจะทำให้ไม่ได้ยินทั้ง 2 ข้าง" พร้อมตบหูอย่างรุนแรงทั้ง 2 ข้าง ข่มขู่ให้รับสารภาพคดียิงครูที่ตำบลสะพานไม้แก่น และคดีวางระเบิดที่บ้านน้ำเค็ม หมู่ 9 ตำบลบ้านนา และนายอามีนูดีนได้กล่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

กลุ่มเจ้าหน้าที่ยังกล่าวหาผู้เสียหายว่าอยู่ในขบวนการ พร้อมเตะบริเวณเอวด้านหลังอย่างรุนแรงจนผู้เสียหายเองกระอัก หายใจไม่ออก ทั้งๆที่ผู้เสียหายได้บอกว่า "หายใจไม่ออก" เมื่อพูดจบประโยคเจ้าหน้าที่ก็ลงมือเหยียบคอซ้ำ และกระทำการอย่างนั้นเป็นจำนวน 3 ครั้ง ติดต่อกัน ตรงบริเวณเดิม และใช้ปืนจ่อหัว หนำซ้ำยังใช้มีดจี้บริเวณต้นคอด้วย

เจ้าหน้าที่ให้ผู้เสียหายให้เลือกระหว่า 2 อย่าง 1 "มึงจะตายที่นี่" หรือ "มึงจะตายข้างนอก" "ถ้ามึงจะตายข้างนอกกูจะให้ปืนแล้วมึงหนีให้พ้น" แต่ผู้เสียหายนิ่งเงียบ

 

จากการถูกซ้อมดังกล่าวทำให้คณะของเราได้พาเขาเข้าตรวจร่างกายเบื้องต้นที่โรงพยาบาลจะนะ ผลการตรวจบริเวณคิ้วด้านซ้ายบวมช้ำ กะโหลกศีรษะช้ำ เกิดรอยช้ำบริเวณต้นแขน แผ่นหลัง ปวดบริเวณกะโหลก หูอื้อทั้ง 2 ข้าง แก้วหูทะลุทั้ง 2 ข้าง และหู้อื้อมาก

จากนั้นจึงเข้าแจ้งความฟ้องร้องที่ สภ.อ.จะนะ โดยที่นายอำเภอจะนะ และผู้กำกับ สภ.อ.จะนะ ได้ลงความเห็นให้แจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอเป็นเบื้องต้น และได้เข้าไปแจ้งความที่ สภ.อ.จะนะ และรับเรื่องไว้ หลังจากนั้นผู้กำกับ สภ.อ.จะนะ ก็ได้นำไปที่ สภ.อ.นาทวี เพื่อไปแจ้งความเพราะเหตุเกิดที่เขต สภ.อ.นาทวี

นี่คือเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐบางคนไม่ได้ใช้นิติธรรมในการแก้ปัญหา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้ผ้าห่มผูกปมขนาดใหญ่ทุบบนกะโหลกศีรษะประมาณ 50 ครั้ง ใช้ถุงพลาสติคสวมหัวและรัดจนหายใจไม่ออก 3 ครั้ง ใช้มือบีบคอโดยสวมถุงมือ ระยะเวลาในการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 23.00-02.30 น.

ปัจจุบันในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายองค์กรไม่ว่าจะเป็นคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรภาคีแนวร่วม ได้ออกแถลงการณ์หลายต่อหลายฉบับให้รัฐ โดยเฉพาะหน่วยความมั่นคงให้ใช้หลักนิติธรรมในการการจับกุมและควบคุมตัวประชาชน

เพราะองค์กรเหล่านี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ถูกอำนาจรัฐคุกคาม โดยไม่ได้แบ่งแยกว่าใครคือผู้ก่อความไม่สงบ ใครคือผู้บริสุทธิ์ ซึ่งอาจจะเป็นการส่งสัญญาณว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจนำไปสู่การทำสงครามกับประชาชน ในอนาคต ซึ่งไม่ได้เป็นความต้องการของสังคมไทยเลย

หากแต่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักถึง ในขณะเดียวกันควรเปิดโอกาสให้ญาติได้เข้าเยี่ยมทันทีภายหลังการจับกุมและควบคุมตัว และระบุสถานที่ที่ถูกควบคุมตัวให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความสงสัยและคลางแคลงใจในหมู่ประชาชนว่าจะมีการซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัว

ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการช่วยรัฐอีกทางหนึ่ง เพราะเป็นกระจกส่องถึงผลการปฏิบัติงานของรัฐ ซึ่งรัฐเองสามารถนำไปปรับปรุงในการปฏิบัติงานในคราวต่อไป

องค์กรเหล่านี้ไม่เพียงวิจารณ์การทำงานของรัฐเท่านั้น แต่ยังเคยประณามผู้ก่อการซึ่งได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทำร้ายครูและการเผาโรงเรียน และเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกทั้งยังร่วมมือกับ ฉก.ยะลาและผู้ว่าฯจังหวัดชายแดนใต้ในการทำงานเน้นความสมานฉันท์ในพื้นที่

การทำงานขององค์กรเหล่านี้เปรียบเสมือนเครือข่ายเพื่อสันติภาพอย่างแท้จริงที่กำลังเรียกร้องให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจ สร้างเครื่อข่าย สานฝัน สู่สันติภาพและปฏิเสธความรุนแรงด้วยวิถีนิติธรรมและหลักยุติธรรมที่ไม่เข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

บางกลุ่มโหยหาซึ่งความสันติ ความสมานฉันนำไปสู่ความสงบสุขในบ้านเมือง แต่บางคนบางกลุ่มสร้าง

แต่กลับมีการบุกรุก จู่โจม บุกตรวจคนเพียงเวลาไม่กี่นาทีของเจ้าหน้าที่รัฐ และนำไปสู่การ ซ้อมผู้ต้องหาทำให้ความสงบสุขความไว้วางใจได้มลายสิ้นและไม่สามารถใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อการเยียวยาได้

ดังที่ พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 กล่าวไว้กับพวกเราว่า "ผมอุตสาห์ทำงานมวลชนมาตลอดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 มาอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะเราทำตามข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้กับสมาคมตลอด เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น ชาวบ้านก็จะเสียความรู้สึก หาเจ้าหน้าที่รัฐว่าไม่ทำตามสัญญา แล้วจะได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านได้อย่างไร"

ที่มา : 

  www.thaingo.org และ www.iqraonline.org

 

 

 

 

 

Tags :

view

 Muslimthai

 บรรยายธรรมอิสลาม

 คณะกรรมการกลางอิสลาม

วิทยุเสียงอิสลาม

 อิสลามอินไทยแลนด์

อนาชีด

view